ช่วงความถี่ใช้งาน RFID
RFID Frequency range
Update : 2023-10-04
แท็ก RFID ที่ดูจากภายนอกลักษณะเหมือนกัน อาจทำให้เราเข้าใจว่ามีคุณสมบัติแบบเดียวกัน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราเเข้าใจที่ผิดได้ เพราะ RFID นั้น ยังถูกจัดแบ่งเป็นกลุ่ม ตามความถี่ที่ใช้งานด้วย ดังนี้
- แท็กความถี่ต่ำ (LF)
- แท็กความถี่สูง (HF)
- แท็กความถี่สูงพิเศษ (UHF) - แบบพาสซีฟ และ แอคทีฟ
1. แท็กความถี่ต่ำ (LF : Low Frequency)
- ช่วงความถี่หลัก 125kHz – 134kHz
- สามารถอ่านค่าได้ระยะใกล้
- อัตราการถ่ายโอนข้อมูลต่ำสุดในบรรดาความถี่ RFID ทั้งหมด
- มีพื้นที่เก็บข้อมูลจำนวนเล็กน้อย
Application : การติดตามสัตว์, การควบคุมการเข้าถึง (Access control), กุญแจรถยนต์, การติดตามทรัพย์สิน และ การดูแลสุขภาพ
2. แท็กความถี่สูง (HF : High Frequency) เป็นแท็กที่มีได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
- ช่วงความถี่หลัก 13.56MHz
- ระยะการอ่านไกลถึง 30 ซม (ขึ้นกับรุ่นที่ใช้งาน)
- ความสามารถในการอ่านหลายแท็กพร้อมกัน
- สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 4Kb (4,000 Byte)
- สามารถอ่านข้อมูลได้แม้แท็กติดกับวัตถุที่มีน้ำ, ทิชชู่, โลหะ, ไม้ และของเหลว
Application : หนังสือห้องสมุด, บัตรประจำตัวส่วนบุคคล, สัมภาระของสายการบิน และบัตรเครดิต
3. แท็กความถี่สูงพิเศษ (UHF : Ultra High Frequency)
สำหรับแท็กประเภทนี้ยังแบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท และใช้ความถี่ที่แตกต่างกันด้วย
3.1. แท็ก UHF Passive - ใช้พลังงานจากเครื่องอ่าน RFID
Application : การติดตามในระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain), การผลิตยา และการเรียกเก็บเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
- ช่วงความถี่หลัก 860MHz – 960MHz (สำหรับประเทศไทยกำหนดให้ใช้งานในช่วงความถี่ 920-925MHz)
- ระยะการอ่านได้ไกลถึง 25 เมตร (ขึ้นกับรุ่นที่ใช้งาน)
- อัตราการส่งข้อมูลสูง
- มีขนาดแท็กที่หลากหลายรูปแบบ
Application : การติดตามในระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain), การผลิตยา และการเรียกเก็บเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
3.2. แท็กที่ใช้งาน UHF – ใช้แบตเตอรี่ (แอคทีฟแท็ก)
Application : การติดตามยานพาหนะ, การผลิตรถยนต์ และการก่อสร้าง
- ช่วงความถี่หลัก: 433MHz
- ระยะการอ่าน: 30 - 100 เมตร (ขึ้นกับรุ่นที่ใช้งาน)
- อัตราการถ่ายโอนข้อมูลสูง
- มีความจุหน่วยความจำขนาดใหญ่
Application : การติดตามยานพาหนะ, การผลิตรถยนต์ และการก่อสร้าง